จากข่าวสิ่งน้องก็อต ทีทัช หนุ่มวัย 23 ปี ที่กำลังป่วยเป็นโรคกระดูกละลาย และกำลังได้รับความลำบากรวมหมดเรื่องของวิธีการรักษา พร้อมด้วยค่าใช้จ่ายภายในการรักษาพยาบาลนั้น Sanook! Health จึงอยากแนะนำโรคนี้ให้ทุกคนได้ทำความรู้จัก และเข้าใจกันให้มากขึ้นค่ะ
โรคกระดูกละลาย โรคหายาก อันตราย กับมีเพียง 200 นรชนในโลกที่เป็น
โรคกระดูกละลาย หรือว่า Gorham’s disease (กอห์รัม ดีซีส) ประสูติจากความผิดปกติในระบบกระดูกของร่างกาย โดยมวลกระดูกเกิดการลดตัวจนเหมือนจะหายจาก ปัจจุบันยังมิทราบสาเหตุของโรคที่แน่ชัด เพราะเป็นโรคที่หายาก และพบผู้ป่วยเพียง 200 รายในระยะเวลา 60 ปีที่สร้างผ่านมา
อาการของโรคกระดูกละลาย
อาการเริ่มแรกก่อนที่มวลกระดูกจะเริ่มหายไป ไม่มีการบันทึกเอาไว้แน่ชัด ผู้ป่วยจะแค่รู้สึกเจ็บตรงบริเวณที่กระดูกเริ่มละลาย หรือมวลกระดูกเริ่มหดตัวลง และทราบว่าเป็นโรคนี้ เมื่อได้รับการตรวจจากแพทย์เท่านั้น
บริเวณที่เกิดโรคกระดูกละลาย
ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดของร่างกาย สมมุติมีกระดูก ไม่ก็มีส่วนใดของร่างกายที่มีการสะสมของแคลเซียม ก็กอบด้วยโอกาสที่จะเกิดโรคกระดูกละลายได้ เช่น กระดูกสันหลัง กระดูกหน้าอก กระดูกเชิงกราน กระดูกไหปลาร้า หัวข้อมือ ข้อเท้า กะโหลกศีรษะ กราม พร้อมด้วยอื่นๆ
โรคกระดูกละลาย มีกลุ่มเสี่ยงเป็นใครบ้าง?
ไม่ว่าจะอายุเท่าไร หรือเพศอะไร ก็สามารถทั้งเป็นโรคกระดูกละลายได้ ส่วนใหญ่ที่พบมักเป็นกลุ่มวัยรุ่น หรือวัยหนุ่มสาว ทว่าเนื่องจากเป็นโรคที่หายากมาก จึงยังสรุปแน่ชัดไม่ได้ว่าใครยังไม่ตายกลุ่มเสี่ยงบ้าง ถ้าว่าที่ทราบคือ ไม่ใช่โรคที่เกิดขึ้นตั้งแต่เด็ก ไม่ใช่โรคสื่อสาร ไม่ใช่โรคที่สืบทอดจากรรมพันธุ์
วิธีการรักษาผู้ป่วยโรคกระดูกละลาย
ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาโรคนี้โดยตรง ทำได้เพียงรักษาตามอาการเท่านั้น แต่หลักๆ ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของผู้ป่วย ว่าจะต้องแข็งแรงมากพอที่จะรับการรักษาได้ จากนั้นจึงเริ่มซ่อมแซมกระดูกที่หายไป และรักษาอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นให้หายไปทีละอย่าง
อันตรายของโรคกระดูกละลาย
นอกออกจากตัวกระดูกแถวละลาย หรือที่มวลกระดูกค่อยๆ ลดลง จักทำให้ไม่สามารถขยับร่างกาย ดำรงชีวิตได้เป็นปกติแล้ว ยังอาจมีอาการแทรกซ้อนตามมาอีกมากมาย เช่น ภาวะเลือด พร้อมทั้งน้ำเหลืองออกมาจากบริเวณเนื้อที่มวลกระดูกหดตัว และปัญหากระดูกที่อาจทิ่มแทงอวัยวะเวลาในจนก่อเกิดอาการบาดเจ็บ
โอกาสในการรักษาให้หายขาด จากโรคกระดูกละลาย
ถึงแม้จะเป็นโรคอันตราย ที่ยังไม่พบสาเหตุของโรคที่แท้จริง และยังไม่มีวิธีรักษาโดยตรง แต่เคยพบผู้ป่วยที่สามารถหายขาดจากโรคนี้ได้ เพียงแต่อาจจะต้องรับการรักษาเป็นเวลานาน ตั้งแต่ครึ่งปี 1 ปี 2 ปีเป็นต้นไป
เห็นแบบนี้แล้ว อย่าเพิ่งนิ่งนอนใจว่าคุณจะไม่ใช่หนึ่งใน 200 คนนะคะ บรรลุแม้ว่าโอกาสที่เผชิญจะน้อยมากๆ ก็ยอม แต่หากมีความผิดปกติในร่างกายอะไรบางอย่าง ควรรีบพบแพทย์ทันที เพราะถึงมือแพทย์เร็วเมื่อไร เราก็จะเปลืองเวลาในการรักษาน้อยลงเท่านั้นค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น